ในโลกยุคโควิดที่ทุกคนต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและรักษาระยะห่างทางสังคม ทำให้การติดต่อสื่อสารหรือการทำงานร่วมกันมีข้อจำกัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นภัยคุกคามสุขภาพกายและสุขภาพใจที่น่ากลัวเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบ Work From Home ที่ทำให้พนักงานไม่สามารถแยกชีวิตระหว่างบ้านและที่ทำงานออกจากกันได้ จนก่อให้เกิดความเครียดสะสม และภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) หรือการขาดปฏิสัมพันธ์กับเพื่อร่วมงานก็อาจก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าเช่นกัน
เพราะฉะนั้น Metaverse จึงเข้ามามีบทบาทในการแบ่งแยกชีวิตที่บ้านและที่ทำงานอย่างชัดเจน ช่วยทำลายกำแพงการสื่อสารระหว่างคุณกับเพื่อร่วมงาน รวมไปถึงช่วยเสกให้ไอเดียใหม่ๆ ของคุณกลายเป็นจริงในโลกเสมือนจริงได้อีกด้วย
แล้ว Metaverse คืออะไร? จะมาช่วยเปลี่ยนอนาคตของโลกการทำงานได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ
Table of Contents
Metaverse คืออะไร?
Metaverse คือ โลกเสมือนจริง (Virtual World) ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดการแบ่งปัน โต้ตอบ และการแสดงปฏิสัมพันธ์ต่างๆ อย่างไร้รอยต่อของผู้คนทั่วโลก ทั้งการเล่นเกม การทำงาน การสร้าง-ซื้อ-ขายสินทรัพย์เสมือน และการพูดคุยหรือแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์ โดยทั้งหมดสามารถทำได้ผ่าน “อวตาร” เสมือนจริง
หากยังเห็นภาพไม่ชัดเจนคุณอาจลองนึกถึง Minecraft เกมแนวโลกเสมือนจริงขวัญใจผู้เล่นทั่วโลก การันตีด้วยด้วยยอดผู้เล่นมากถึง 100 ล้านบัญชีต่อเดือน ที่ผู้เล่นสามารถจำลองอวตารของตัวเอง และเลือกทำในสิ่งที่ผู้เล่นต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจโลก 3 มิติที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร้ขีดจำกัด การค้นหาและเก็บเกี่ยววัตถุดิบเพื่อคราฟต์ไอเทม การสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ การตะลุยด่านหรือแข่งขันกับอวตารคนอื่น และเนื่องจากตัวเกมไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้ Minecraft เป็นเกมที่ให้อิสระแก่ผู้เล่นอย่างไม่จำกัด รวมไปถึงอิสระในการดัดแปลงระบบเกมอีกด้วย
หรือจะเป็น Bondee แอปโซเชียลมีเดียที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทย ณ ขณะนี้ ซึ่งภายในแอปจะนำเสนอ Metaverse ในแง่ของการสร้างปฏิสัมพันธ์ และจำลองการใช้ชีวิตร่วมกันกับเพื่อน โดยสามารถสร้างอวตารที่สื่อถึงตัวตนของผู้เล่น สร้างบ้านเพื่อให้เพื่อนมาเยี่ยมชม สร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นด้วยการกดเพิ่มเพื่อน แชท แชร์สถานะ ส่งรูปภาพ และแชร์สตอรี่ นอกจากนี้ยังสามารถหาเพื่อนใหม่ด้วยการทิ้งข้อความไว้ในขวดกลางทะเล ให้ผู้เล่นคนอื่นที่เก็บขวดได้ทำความรู้จักคุณ
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า Metaverse สามารถเชื่อมต่อโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกดิจิทัลได้อย่างไร้รอยต่อ และเป็นเทคโนโลยีที่ผู้คนยอมรับและใช้อย่างกว้างขวาง เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกใจที่องค์กรต่างๆ เริ่มเข้ามามีบทบาทในโลก Metaverse รวมไปถึงการนำ Metaverse ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานอีกด้วย เพราะฉะนั้นในส่วนถัดไปเราจะมาเจาะลึกโลกของการทำงานที่จะถูกเปลี่ยนแปลงไปหลังจากนำ Metaverse เข้ามาพัฒนากัน
3 อนาคตของโลกการทำงานที่จะถูกเปลี่ยนด้วย Metaverse
1. Work From Home จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไปด้วย Metaverse
Metaverse ช่วยสร้างอวตารที่สามารถเลียนแบบประสบการณ์การปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการพบปะและตอบโต้ระหว่างกันแบบเรียลไทม์ การกระทำระหว่างอวตารกับวัตถุดิจิทัล หรือการจัดประชุมในโลกเสมือนจริง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณติดต่อสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานได้โดยไม่รู้สึกเครียด นอกจากนี้อวตารของคุณจะสื่อถึงสถานะของคุณ เช่น พักกลางวัน อยู่ในที่ประชุม หรือติดธุระอื่น ทำให้คุณไม่ต้องกดดันตัวเองให้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาจากการทำงาน Work From Home
Metaverse ยังช่วยให้สุขภาพจิตของพนักงานดีขึ้นจากการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงานได้ดั่งใจอีกด้วย ลองจินตนาการว่าคุณเดินเข้าไปทำงานในโลกเสมือนจริง หลังจากนั้นก็เริ่มพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานริมชายหาด แวะไปทานอาหารกลางวันที่โตเกียว แล้วกลับมาประชุมกับหัวหน้าที่สถานีอวกาศ เท่านี้ก็ทำให้การทำงานในแต่ละวันของคุณไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
หากคุณต้องการการประชุมที่สะดวกสบายแม้ว่าเพื่อนำมาปรับใช้ในองค์กร True VROOM ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดี เพราะเป็นแพลตฟอร์มห้องประชุมเสมือนจริงที่ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์คนไทย ใช้งานง่าย มีฟีเจอร์มากมายที่จะช่วยให้คุณประชุมไม่สะดุด ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ไอเดียด้วยไวท์บอร์ดเสมือนจริง การแชร์เอกสารหรืองานนำเสนอผ่านหน้าจอ ห้องล่ามแปลภาษา และช่องแชตแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณทำงานราบรื่นขึ้น และเปลี่ยนออฟฟิศคุณสู่ Hybrid Workplace อย่างเต็มตัว
2. Metaverse ช่วยให้พนักงานทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น
การทำงานในช่วงโรคระบาดส่งผลให้พนักงานต้องทำงานจากที่บ้าน ไม่สามารถพบปะเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายได้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวและถูกตัดขาดทางสังคม เพราะฉะนั้น Metaverse จึงเข้ามามีบทบาทในการเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณกับเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย และลูกน้อง
โดยยกระดับการเชื่อมต่อทางสังคมด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกันในโลกเสมือนจริง และการแบ่งปันความคิดเห็นในสังคมออฟฟิศเสมือนจริง ซึ่งสามารถสร้างโอกาศการมีส่วนร่วมได้มากกว่าการทำงานระยะไกลทั่วไป โดยเฉพาะพนักงานบางคนที่ไม่ชอบการปรากฎตัวบนกล้องเวลาประชุม หากต้องถูกบังคับให้เปิดกล้องเพื่อมีส่วนร่วมก็อาจสร้างความไม่พอใจแก่พนักงานคนนั้นได้ การสร้างอวตารบน Metaverse จึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับปัญหานี้
นอกจากนี้ Metaverse ยังสนับสนุนการทำงานแบบเปิดกว้าง ไร้ขอบเขตอีกด้วย เช่น หากคุณและทีมได้รับโจทย์ให้ออกแบบแพคเกจผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท คุณและทีมสามารถเทเลพอร์ตอวตารไปยังพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) เพื่อหาแรงบันดาลใจได้ วิธีนี้ยังนำไปสู่การออกแบบและแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ รวมถึงสร้างทีมเวิร์กที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น
3. เรียนรู้และพัฒนาทักษะได้เร็วขึ้นใน Metaverse
Metaverse สามารถใช้สำหรับฝึกอบรมหรือพัฒนาทักษะทางไกลได้ โดยพนักงานจะได้ฝึกฝนในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงและปลอดภัย ส่งผลให้พนักงานเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งในปัจจุบันมีหลากหลายอุตสาหกรรมที่รับเทคโนโลยี Metaverse มาปรับใช้กับการฝึกอบรมบุคลากร ไม่ว่าจะเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีการผ่าตัด Medivis ที่กำลังใช้เทคโนโลยี HoloLens ของ Microsoft มาฝึกอบรมนักศึกษาแพทย์ หรือบริษัทผลิตยานยนต์ Ford Motor Company ที่บุกเบิกเครื่องมือฝึกอบรม VR โดยใช้ชุดหูฟัง Oculus Quest ฝึกอบรมช่างเทคนิคเกี่ยวกับการบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า
นอกจากนี้การฝึกอบรมบน Metaverse ยังเป็นการสร้างโอกาสในการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำเสมือนจริง ส่งผลให้ผู้อบรมมีส่วนร่วมในการฝึกอบรมมากยิ่งขึ้น ได้พัฒนาทักษะใหม่ๆ จากการลงมือปฏิบัติ ซึ่งถือว่าเป็นข้อได้เปรียบมากกว่าการฝึกอบรมในชั้นเรียน
สรุป
Metaverse คือ โลกเสมือนจริงที่ช่วยขยายขีดจำกัดในการทำงานไปอีกขั้น ช่วยให้การสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างคุณและเพื่อร่วมงานราบรื่นแม้ไม่ได้เห็นหน้ากัน ลดความตึงเครียดระหว่างการทำงานด้วยการจำลองสภาพแวดล้อมที่น่าตื่นตา และช่วยเร่งพัฒนาทักษะอาชีพผ่านเกมหรือการฝึกอบรมเสมือนจริงที่ปลอดภัย
จะเห็นได้ว่า Metaverse ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงและเชื่อมโยงชีวิตประจำวันกับชีวิตการทำงานได้อย่างแนบเนียนจนได้รับความนิยมในวงกว้าง นอกจากนี้ยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่หลายรายเริ่มนำ Metaverse มาใช้ในการทำงานอย่างเต็มรูปแบบแล้ว เพราะฉะนั้นคุณจะเป็นคน “เริ่ม” หรือจะเป็นคน “รอ” การเปลี่ยนแปลงนี้?
หากคุณต้องการให้พนักงานขององค์กรคุ้นชินกับเทคโนโลยีการสื่อสารรูปแบบใหม่ การนำแพลตฟอร์มการสื่อสารและการทำงานบนโลกออนไลน์ไปปรับใช้ในการทำงานจริงย่อมเป็นสิ่งจำเป็น โดย True VWORK และ True VROOM เป็นสองแพลตฟอร์มการทำงานสำคัญ ที่ครอบคลุมทั้งการจัดการการทำงาน การสื่อสารองค์กรขนาดใหญ่ ทำให้ชีวิตคุณง่าย ไม่มีสะดุด พร้อมบริการซัพพอร์ตต่างๆ มากมาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ True VWORK และ True VROOM
อ้างอิง