Co-working Space เป็นพื้นที่ทำงานรูปแบบใหม่ที่สร้างมาเพื่อการทำงานโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันความนิยมในการใช้บริการ Co-working Space ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตอบสนองกับรูปแบบการทำงานที่กลายเป็น Remote Working ภายหลังสถานการณ์โควิท-19 มากขึ้น นอกจากนี้การทำงานใน Co-working Space ยังมีข้อดีในหลายด้านซึ่งสถานที่ทำงานรูปแบบอื่นไม่สามารถทำได้
Table of Contents
Co-working Space กับเทรนด์การทำงานในปัจจุบัน
เป็นที่ทราบกันดีว่า Co-working Space เป็นพื้นที่ให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการทำงานที่ครบครัน ซึ่งมักตั้งอยู่บริเวณแนวรถไฟฟ้าหรือแหล่งชุมชนที่สะดวกต่อการเดินทาง โดยผู้ที่มาใช้บริการ Co-working Space มีทั้งบุคคลทั่วไป บริษัท Start-up จนไปถึงผู้ประกอบอาชีพอิสระ ฯลฯ
ซึ่งการสำรวจของ Upwork พบว่าแม้ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิท-19 จะจบลงแล้ว บริษัทกว่า 61.9% ยังคงต้องการที่จะสนับสนุนให้มีการทำงานจากที่ไหนก็ได้เพิ่มขึ้นต่อไป ส่งผลให้จำนวน Remote Workers มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทรนด์รูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไปนี้ ส่งผลให้ Co-working Space เป็นมากกว่าสถานที่นั่งทำงานสำหรับทุกคน ด้วย 7 ข้อดีของการทำงานที่ Co-working Space สำหรับ Remote Workers!
7 ข้อดีของการทำงานที่ Co-Working Space
1. สร้างแรงบันดาลใจจากบรรยากาศการทำงานที่แตกต่าง
การเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานไปอยู่ในพื้นที่ใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับการทำงาน นอกจากจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานได้จริงแล้ว การสำรวจของ GCUC ยังพบว่า 84% ของผู้ทำงานรู้สึกมีแรงกระตุ้นในการทำงานมากยิ่งขึ้นเมื่อทำงานใน Co-working Space อีกด้วย เพราะการทำงานที่ Co-working Space ลดสิ่งยั่วยุต่างๆ ที่อาจดึงความสนใจไปจากการทำงาน ทำให้ผู้ทำงานสามารถโฟกัสกับสิ่งที่กำลังทำได้มากกว่าการทำงานใน Home Office
2. มีโอกาสได้พบผู้คนใหม่ๆ ซึ่งมีความสนใจเดียวกัน
การมาทำงานที่ Co-working Space นอกจากจะช่วยให้ไม่เหงาแล้ว ยังช่วยให้มีโอกาสพบกับคนที่หลากหลาย เพิ่มโอกาสในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้คนที่มีความเชี่ยวชาญและแนวคิดที่แตกต่างทั้งภายในและนอกอุตสาหกรรม โดยการสำรวจของ Smallbiz พบว่ากว่า 82% ของผู้ตอบแบบสอบถามมี Professional Network เพิ่มขึ้นหลังจากการใช้งาน Co-working Space นี่จึงเป็นหนึ่งวิธีการเพิ่มคอนเน็กชันทางธุรกิจที่ผู้ประกอบการ Start up และ SME นิยมใช้
3. สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการทำงานที่ครบครัน
แม้ว่า Remote workers จะทำงานจากสถานที่ใดก็ได้ แต่การมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะกับการทำงานอย่างครบครันเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ การทำงานที่ Co-working Space มักจะมีโต๊ะและเก้าอี้ที่มีความสูงเหมาะกับการนั่งทำงาน รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น เครื่องปริ้นท์เอกสาร ปลั๊กไฟและสัญญาณอินเทอร์เน็ต ทำให้ที่ Co-working Space สนับสนุนการทำงานได้ดีกว่าร้านกาแฟ ซึ่งบางสถานที่อาจถึงขั้นมีห้องประชุมแยกและเครื่องมือขั้นสูงอย่าง 3D model printer จัดไว้ให้บริการเพื่อความสะดวกทีเดียว
4. อาหารและเครื่องดื่มพร้อมให้บริการ
Co-working Space ส่วนมากจะจัดหาอาหารและเครื่องดื่ม เช่น กาแฟ น้ำดื่มและขนมไว้จำหน่ายหรือบริการภายในร้านเพื่อความสะดวกของผู้ทำงาน แต่ด้วยทำเลซึ่งสามารถเดินทางได้สะดวก ทำให้บริเวณโดยรอบ Co-working Space จะมีแนวโน้มที่จะมีร้านอาหารและร้านค้าต่างๆ สูง Remote Workers จึงไม่ต้องกังวลว่าจะขาดอาหาร ของว่างแก้หิวหรือกาแฟง่วงระหว่างวันเลย
5. ราคาถูกกว่าเช่าออฟฟิศรายเดือน
ค่าเช่าออฟฟิศรายเดือนในย่าน CBD (Central Business District) ของกรุงเทพฯ ที่ทั้งเดินทางได้สะดวกและอยู่ใน สภาพดี มีค่าเฉลี่ยสูงถึง 810 บาท/ตร.ม. ประกอบกับข้อมูลค่าเฉลี่ยของความกว้างพื้นที่ทำงานที่เหมาะสมคือ 1:10 นั่นหมายความว่าหนักงาน 1 คนมีค่าใช้จ่ายรายเดือนอยู่ที่ราวๆ 8,100 บาท ในขณะที่ค่าเช่า Co-working Space แบบรายเดือนส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 3,000 บาทเท่านั้น
6. ไม่ผูกมัด ทำให้เปลี่ยนสถานที่ได้อย่างยืดหยุ่น
การเช่าออฟฟิศรายเดือนมีข้อกำหนดซับซ้อนและผูกมัดผู้เช่าหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ค่ามัดจำ ระยะเวลาในการเช่า จนไปถึงค่าปรับต่างๆ ซึ่งข้อจำกัดเหล่านี้ส่งผลให้ผู้เช่าไม่สามารถเปลี่ยนสถานที่ทำงานตามความต้องการส่วนบุคคลได้เมื่อต้องการ แต่ Co-working Space ที่มีตัวเลือกในการทำสัญญาที่หลากหลาย คือมีทั้งการใช้บริการรายวันที่ไม่ผูกมัดจนไปถึงการทำสัญญาระยะยาว ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเปลี่ยนสถานที่ทำงานได้อย่างยืดหยุ่น
7. แบ่งพื้นที่ทำงานและพักผ่อนได้อย่างชัดเจน
การสำรวจของ Microsoft ที่ศึกษาเกี่ยวกับชีวิตการทำงานของคนในประเทศสหราชอาณาจักรพบว่ากว่า 86% ของผู้ WFH มีปัญหากับการแบ่งแยกระหว่างเวลาทำงานและเวลาส่วนตัว ซึ่งการแบ่งพื้นที่ทำงานและพื้นที่พักผ่อนออกจากกันให้ชัดเจนก็เป็นหนึ่งวิธีที่ได้รับการแนะนำเพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยการทำงานที่ Co-working Space ก็เป็นหนึ่งตัวเลือกที่ดีต่อการกำหนดขอบเขตของพื้นที่ในการทำงานและการพักผ่อนที่มีประสิทธิภาพ
สรุป
สำหรับ Remote Workers แล้ว การทำงานที่ Co-working Space ก็เป็นหนึ่งตัวเลือกที่มีข้อดีหลากหลายซึ่งตอบโจทย์ชีวิตการทำงานที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน โดยสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สนับสนุนการทำงานรูปแบบ Remote Work ได้เป็นอย่างดี
โดย True VROOM ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสนับสนุนการทำงานระยะไกลที่ครบครัน ช่วยให้คุณสามารถสร้างการประชุมออนไลน์ได้จากทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือ Co-working Space! มาพร้อมกับฟังก์ชันต่างๆ ครบครัน รองรับผู้คนจำนวนมาก เพื่อให้งานของคุณดำเนินต่อไปได้อย่างไม่มีสะดุด เต็มประสิทธิภาพ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ True VROOM
อ้างอิง