AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถเรียนรู้ วิเคราะห์ จนไปถึงคาดการณ์ข้อมูลที่มีความซับซ้อนเกินกว่าขีดจำกัดของมนุษย์กำลังเข้ามามีบทบาทในโลกธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ โดย International Data Corporation (IDC) ได้คาดการณ์ว่าบริษัทต่างๆ จะมีการใช้งานปัญญาประดิษฐ์มากถึง 500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 16,365 พันล้านบาท) ภายในปี 2024 เพื่อรับมือกับการเข้ามาของเทคโนโลยีเหล่านี้ Tyler Weitzman ประธานบริษัทและหัวหน้าฝ่าย AI บริษัท Speechify ได้ให้สัมภาษณ์ถึง 5 สิ่งที่ผู้บริหารควรรู้ เมื่อ AI จะเข้ามาพลิกโฉมธุรกิจปี 2023
Table of Contents
1. พนักงานไม่ต้องทำงานรูทีนอีกต่อไป
งานรูทีนหรืองานเล็กๆ น้อยๆ ที่ซ้ำซากและไม่ค่อยมีความสำคัญจะถูกทำโดย AI ซึ่งจะช่วยให้บุคลากรมีเวลาในการทุ่มเทกับงานที่ต้องใช้ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะงานฝ่ายบริการลูกค้าซึ่งโดยปกติแล้วจำเป็นต้องมีพนักงานคอยให้บริการตอบข้อสงสัยของลูกค้าทีละคน แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยี Chatbot ที่สามารถโต้ตอบกับลูกค้าพร้อมกันหลายๆ คนได้อย่างเป็นธรรมชาติตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจากการศึกษาของ American Marketing Association พบว่าการใช้งาน Chatbot นั้นสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้จริง จนนำมาสู่ผลประกอบการณ์ที่ดีขึ้น
2. ตัดสินใจได้เฉียบยิ่งขึ้นด้วยการวิเคราะห์จาก AI
ข้อมูลจากการทำงานขององค์กรสามารถสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มต่างๆ ที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ แต่ด้วยปริมาณข้อมูลมหาศาล การคิดวิเคราะห์ของมนุษย์เพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถมองเห็นความเป็นไปได้ต่างๆ ได้ครอบคลุมและละเอียดแม่นยำเท่ากับการใช้คอมพิวเตอร์เข้าช่วย การใช้งาน AI เพื่อวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ร่วมกับวิจารณญาณของผู้บริหารจึงช่วยให้การตัดสินใจขององค์กรมีความแม่นยำ รวดเร็วและทันต่อยุคสมัยมากยิ่งขึ้น
3. Productivity ในการทำงานที่สูงขึ้น
ด้วยการสนับสนุนของ AI ที่ช่วยจัดการกับงานรูทีนมากมาย กระบวนการทำงานโดยรวมขององค์กรจะมีความราบรื่นและมี Productivity ที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านปริมาณงานที่สำเร็จมากขึ้นภายใต้เวลาเท่าเดิม หรือด้านคุณภาพงานที่สูงขึ้นจากการที่พนักงานสามารถทุ่มเทให้กับงานยากๆ ได้มากกว่าเดิม ซึ่งองค์กรสามารถนำปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้มาช่วยงานได้ในหลายแง่มุม ตัวอย่างเช่นบริษัท Dtac ซึ่งนอกจากจะนำแชทบอทมาช่วยในการบริการลูกค้าแล้ว ยังมีการวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการของลูกค้าจากประวัติการสั่งซื้อเพื่อให้สามารถเสนอขายบริการที่ตรงใจลูกค้าได้มากขึ้น จนไปถึงการใช้ AI ตรวจสอบเอกสารสำคัญที่ใช้ในการยืนยันตัวตนลูกค้าเพื่อการเก็บฐานข้อมูลลูกค้าที่รวดเร็วและแม่นยำอีกด้วย
4. AI ช่วยเลือกคนที่ใช่สำหรับองค์กร
การคัดเลือกบุคลากรเข้าทำงานแบบดั้งเดิมนั้น HR จำเป็นที่จะต้องทำงานหลายขั้นตอน ทั้งการประกาศรับผู้สมัคร การอ่านเรซูเม่ที่มีความแตกต่างหลากหลาย จนไปถึงการสัมภาษณ์รายบุคคลเพื่อให้ได้ผู้สมัครที่มีความสามารถและเข้ากับองค์กรมากที่สุด ซึ่งวิธีการเดิมๆ เหล่านี้นอกจากจะใช้ทรัพยากรเวลามากแล้วยังอาจก่อให้เกิดการอคติส่วนบุคคลได้ง่ายอีกด้วย
การเข้ามาของ AI ด้าน HR ที่สามารถช่วย HR ในกระบวนการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ของผู้สมัครได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นหนึ่งตัวช่วยที่เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาพนักงานเป็นอย่างมาก โดยปัญญาประดิษฐ์สามารถรวบรวมและหารูปแบบของข้อมูลต่างๆ ของผู้สมัครให้ออกมาในรูปแบบที่ HR สามารถเข้าใจได้ง่ายได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลในเรซูเม่ ในโซเชียลมีเดียหรือแม้กระทั่งข้อมูลที่ผู้สมัครแต่ละคนโต้ตอบกับ HR Chatbot ประจำองค์กร ส่งผลให้ HR ใช้เวลาในการคัดเลือกผู้สมัครที่เหมาะสมสั้นลง ซึ่งหมายความว่าช่วงเวลาที่กระบวนการทำงานติดขัดเพราะขาดคนทำงานก็จะน้อยลงเช่นกัน
5. มุ่งสู่ Customer-Centric Approach
Customer-Centric Approach (การทำธุรกิจโดยมองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง) เป็นแนวทางการทำธุรกิจที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ด้วยการทำความเข้าใจความต้องการของพวกเขาและให้บริการในสิ่งที่ตอบโจทย์ กลยุทธ์ทางธุรกิจแบบนี้ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากลูกค้าได้รับการเติมเต็มความต้องการที่ตรงจุดและเกิดความพึงพอใจจนกลับมาใช้บริการซ้ำ
จากการศึกษาของ Qualtrics XM Institute 2021 มากกว่า 60% ของผู้บริโภคต้องการให้ธุรกิจให้ความสำคัญกับความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค และพวกเขายินดีที่จะซื้อสินค้าและใช้บริการจากแบรนด์ที่ยอมทำ Customer-Centric Approach ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ พยายามมุ่งสู่ Customer-Centric Approach
โดย AI ก็เป็นเทคโนโลยีหลักที่ช่วยให้องค์กรเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคนผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น การนำเสนอวิดิโอของ TikTok ที่จะเลือกแนะนำคลิปตามประวัติการรับชมและข้อมูลของผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่น หรือการยิงโฆษณาสินค้าในแอพพลิเคชั่น Lazada ที่ลูกค้าจะได้เห็นสินค้าที่เคยกดค้นหาหรือกดใส่ตระกร้าเอาไว้ซ้ำๆ เพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อ
สรุป
การเข้ามาของ AI มีประโยชน์ต่อการทำงานในหลากหลายแง่มุม ในฐานะผู้บริหารแล้ว หากสามารถเตรียมรับมือกับการเข้ามาของเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อมาปรับใช้กับการบริหารองค์กรได้ ก็จะช่วยให้คุณก้าวไปอีกขั้นสู่ความสำเร็จในโลกธุรกิจ โดยการเลือกแพลตฟอร์มการทำงานที่มีคุณภาพตั้งแต่เริ่มต้นย่อมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรื่องนี้
True VWORK เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มการทำงานที่ครบครันในทุกฟังก์ชัน ช่วยสนับสนุนทุกการก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลภายในองค์กรของคุณในยุคสมัยของ AI พร้อมตอบสนองทุกความต้องการในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นองค์กรเล็กหรือองค์กรใหญ่ สามารถเข้าดูรายละเอียดของเราได้ที่ True VWORK